วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ขี้หมูอัดเม้ด รองพื้น ปลูกอ้อย

 


การปลูกอ้อย เกษตรกรจะนิยมรองพื้นก่อนปลูกหรือ รองพื้น พร้อมปลูกไปเลยทีเดียวเพื่อประหยัดเงินค่าจ้าง
และการใส่ปุ๋ยตอนรองพื้นปลูกจะทำได้เพียงครั้งเดียว 
การใส่ปุ๋ยรองพื้น ความลึกเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับดินด้วย ดินเหนียว ดินร่น ดินทราย   ก็มีผลเช่นกัน

เกษตรกรนิยมใช้ ขี้หมูอัดเม็ด  บางคนก็ใช้ ขี้ไก่อัดเม็ด บางคนก็ปุ๋ยเคมี รองพื้นปลูกอ้อย 
ปุ๋ยอินทรีย์ตราบัวฟ้า เราจึงขอเสนอใช้ ขี้หมู หรือ ขี้ไก่ ตราบัวฟ้า รองพื้นปลูกอ้อย หรือ บำรุงตออ้อย ครับ

การใช้ ขี้หมูอัดเม็ด เป็นวัสดุรองพื้นสำหรับการปลูกอ้อยเป็นวิธีการที่ดีในการเพิ่มคุณภาพดิน เนื่องจากขี้หมูอัดเม็ดมีคุณสมบัติที่ดีในการปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ และเสริมธาตุอาหารที่สำคัญให้แก่พืช มาดูวิธีการใช้ขี้หมูอัดเม็ดในการปลูกอ้อยดังนี้

ประโยชน์ของขี้หมูอัดเม็ด

  1. เพิ่มธาตุอาหาร: มีธาตุอาหารหลัก เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของอ้อย
  2. เพิ่มอินทรียวัตถุ: ช่วยเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินมีความร่วนซุยและระบายน้ำได้ดีขึ้น
  3. ปรับปรุงโครงสร้างดิน: ช่วยลดความแน่นของดิน ทำให้รากอ้อยสามารถเจริญเติบโตได้ง่าย
  4. ลดการใช้ปุ๋ยเคมี: ลดความจำเป็นในการใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


ปุ๋ยอินทรีย์ ตราบัวฟ้า สูตร ขี้หมูอัดเม็ด ขี้ไก่อัดเม็ด 
ช่วยแก้ปัญหาดินแน่น 
ช่วยเติมอินทรีย์วัตถุลงดิน
ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน
ช่วยให้ดินเหมาะสมกับการเติบโตของพืช   
ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร

พิษณุโลก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี มุกดาหาร ยโสธร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ปทุมธานี สระบุรี พิจิตร อยุธยา นนทบุรี โคราช
สอบถาม 0813942485   

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ใช้ขี้หมูอัดเม็ด ลดต้นทุน ไร่ข้าวโพด

 


การใช้ ขี้หมูอัดเม็ด ในการเพาะปลูก ไร่ข้าวโพด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากสามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านปุ๋ยเคมีได้ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ดังนี้:

ข้อดีของการใช้ขี้หมูอัดเม็ดในไร่ข้าวโพด

  1. ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี

    • ขี้หมูอัดเม็ดมีสารอาหารที่พืชต้องการ เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ซึ่งสามารถใช้แทนปุ๋ยเคมีบางส่วนหรือทั้งหมดได้
    • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะเมื่อใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตได้เอง
  2. ปรับปรุงโครงสร้างของดิน

    • ขี้หมูอัดเม็ดช่วยเพิ่ม อินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุยและสามารถเก็บความชื้นได้ดีขึ้น
    • ปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้น ลดการจับตัวกันแน่นของดิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของรากข้าวโพด
  3. ลดการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง

    • การใช้ขี้หมูอัดเม็ดช่วย เพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ในดิน ทำให้ลดปริมาณศัตรูพืชและโรคต่าง ๆ ในแปลงข้าวโพด
    • ช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืช
  4. การปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ

    • ขี้หมูอัดเม็ดมีการปลดปล่อยสารอาหารออกมาอย่างช้าๆ ทำให้พืชสามารถดูดซึมได้อย่างต่อเนื่อง ลดการสูญเสียธาตุอาหารจากการชะล้าง

วิธีการใช้ขี้หมูอัดเม็ดในไร่ข้าวโพด

  1. การเตรียมดิน

    • ไถพรวนดินเพื่อให้ดินโปร่งและกำจัดวัชพืช
    • ใส่ขี้หมูอัดเม็ดลงในดิน ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
  2. การหว่านขี้หมูอัดเม็ด

    • หว่านขี้หมูอัดเม็ดลงดินก่อนปลูกข้าวโพดหรือในช่วงก่อนการเพาะเมล็ด
    • หากปลูกข้าวโพดแบบแถว ควรหว่านขี้หมูอัดเม็ดไปตามร่องปลูกแล้วกลบด้วยดิน
  3. การใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม

    • สามารถใส่ขี้หมูอัดเม็ดเพิ่มเติมในช่วง 30-40 วันหลังการปลูก เพื่อเป็นการเสริมธาตุอาหารในช่วงที่ข้าวโพดเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • หากใช้ขี้หมูอัดเม็ดร่วมกับ ปุ๋ยเคมีในอัตราที่ลดลง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ผลผลิตข้าวโพดสูงขึ้น
  • ตรวจสอบคุณภาพขี้หมูอัดเม็ดก่อนใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีที่เป็นอันตราย

การใช้ขี้หมูอัดเม็ดเป็นทางเลือกที่ดีในการ เพิ่มผลผลิต และ ลดต้นทุนการเพาะปลูกข้าวโพด ช่วยส่งเสริมการทำเกษตรแบบยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เชื้อราไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza) มีประโยชน์ ต่อพืช อย่างไร


เชื้อราไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza)  มีประโยชน์ ต่อพืช อย่างไร 

เชื้อราไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza) เป็นเชื้อราที่เป็นประโยชน์ต่อพืช โดยจะสร้างความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกันกับรากของพืช ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำจากดิน โดยเฉพาะฟอสฟอรัส และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช

การทำงานของเชื้อราไมคอร์ไรซามีขั้นตอนดังนี้:

  1. การเกาะรากพืช: เชื้อราไมคอร์ไรซาจะยึดเกาะที่รากพืชและขยายเครือข่ายของเส้นใยไปทั่วดิน ทำให้มีพื้นที่ในการดูดซึมสารอาหารมากขึ้น

  2. การแลกเปลี่ยนสารอาหาร: เชื้อราจะดึงสารอาหารจากดิน เช่น ฟอสฟอรัส, ไนโตรเจน และธาตุอาหารรองอื่น ๆ และส่งไปให้พืช ขณะที่พืชจะให้คาร์โบไฮเดรตและสารอินทรีย์ที่เชื้อราต้องการในการเจริญเติบโต

  3. ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคและความแห้งแล้ง: เนื่องจากเชื้อราไมคอร์ไรซาช่วยให้พืชได้รับน้ำและธาตุอาหารที่มากขึ้น จึงทำให้พืชสามารถทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

โดยรวมแล้ว การใช้เชื้อราไมคอร์ไรซาในเกษตรกรรมและการปลูกพืชจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิต และลดการใช้ปุ๋ยเคมี