ขี้หมู กับ ขี้ไก่ อันไหน ดีกว่ากัน
เป็นคำถามที่ เกษตรกรหลายคนสงสัย ในด้านการเพาะปลูก นำมาใช้เป็นปุ๋ย ทั้ง ขี้หมู และ ขี้ไก่ ก็นิยมนำมาทำเป็น ปุ๋ยอินทรีย์ ทั้งคู่เนื่องจาก มีสารอาหารที่พืชต้องการและคุณภาพสูง แต่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการแปรรูปที่มีมาตราฐาน ก่อน หากทำผิดวิธี คุรภาพจะหายไปมาก
ปุ๋ยอินทรีย์ ตราบัวฟ้า จึงน้ำ ขี้หมู และ ขี้ไก่ มาทำเป็น ปุ๋ยอินทรีย์ อัดเม็ด มีทั้ง 2 สูตรให้เลือก
การเปรียบเทียบระหว่าง ขี้หมู และ ขี้ไก่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของพืชและสภาพดิน เพราะทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกันดังนี้:
1. ขี้หมู
- ธาตุอาหาร: ขี้หมูมีธาตุอาหารจำพวกไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) ในระดับที่เหมาะสม แต่ธาตุโพแทสเซียม (K) จะมีน้อยกว่าขี้ไก่
- คุณสมบัติในดิน: ขี้หมูช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ ทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับดินที่แห้งหรือมีปัญหาเรื่องการเก็บความชื้น
- ความเป็นกรด-ด่าง: ขี้หมูมีความเป็นกลางหรือเป็นด่างอ่อน ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับพืชที่ต้องการค่าความเป็นด่างในดินเล็กน้อย
- กลิ่นและการจัดการ: ขี้หมูมีกลิ่นค่อนข้างแรง และย่อยสลายช้ากว่าขี้ไก่
2. ขี้ไก่
- ธาตุอาหาร: ขี้ไก่มีปริมาณไนโตรเจน (N) สูงมาก ซึ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและช่วยในการสร้างใบ นอกจากนี้ยังมีฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ในระดับที่สูงกว่าขี้หมู จึงเหมาะกับพืชที่ต้องการธาตุอาหารสูง
- การย่อยสลาย: ขี้ไก่ย่อยสลายเร็วกว่า ทำให้ธาตุอาหารถูกปลดปล่อยให้พืชใช้ได้เร็วขึ้น
- ความเป็นกรด-ด่าง: ขี้ไก่มักมีความเป็นกรดสูงกว่า จึงต้องระวังในการใช้กับดินที่เป็นกรดอยู่แล้ว หากใช้มากเกินไปอาจทำให้ดินมีความเป็นกรดมากเกินไป
- กลิ่นและการจัดการ: ขี้ไก่มีแนวโน้มที่จะมีกลิ่นรุนแรง และหากไม่ผ่านการหมัก อาจทำให้เกิดการเผารากพืช
ข้อสรุป:
- ขี้หมู เหมาะสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างดินและการเก็บความชื้น โดยเฉพาะในดินที่แห้งหรือไม่เก็บน้ำ
- ขี้ไก่ มีธาตุอาหารสูงและเหมาะกับพืชที่ต้องการสารอาหารจำนวนมาก เช่น พืชใบและพืชที่ต้องการการเจริญเติบโตเร็ว แต่ต้องระวังการใช้ในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้ดินเป็นกรดมากเกินไป
ดังนั้น การเลือกใช้อันไหนดีกว่าขึ้นอยู่กับสภาพดินและความต้องการของพืชที่ปลูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น