วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ปุ๋ยขี้หมู อัดเม็ด แท้ๆ คุณภาพ 100%

 


ปุ๋ยขี้หมู อัดเม็ด แท้ๆ คุณภาพ 100%  ราคาโรงงาน  ไม่ผสมดิน ไม่ผสมหิน ไม่ผสมทราย เน้นคุณภาพ ครับ

ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากขี้หมู ซึ่งมีสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับพืช เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ปุ๋ยนี้เหมาะสำหรับการบำรุงดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยเฉพาะพืชผักและผลไม้

ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดมีข้อดีคือ

  1. ปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ: ทำให้พืชสามารถดูดซึมสารอาหารได้ต่อเนื่อง
  2. ปรับปรุงโครงสร้างดิน: ทำให้ดินมีความร่วนซุยและอุ้มน้ำได้ดีขึ้น
  3. ไม่มีสารเคมีตกค้าง: เหมาะสำหรับการปลูกพืชแบบอินทรีย์

การใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด สามารถโรยรอบโคนต้นพืชหรือคลุกกับดินก่อนปลูก ซึ่งจะช่วยให้พืชได้รับสารอาหารเต็มที่และเติบโตได้อย่างแข็งแรง

พืชไหน ที่ใส่ ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด ขี้ไก่ อัดเม็ดได้บ้าง

อ้อย

มันสำปะหลัง

นาข้าว,ข้าวโพด,ยางพารา,ปาล์ม,ผัก,ทุเรียน,เงาะ,มังคุด,มะพร้าว

ใช้ ขี้หมูอัดเม้ด ขี้ไก่อัดเม็ด ได้หมด ครับ




วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วิธีการเตรียมดินสำหรับการปลูกอ้อย

 



การเตรียมดินสำหรับการปลูกอ้อย    เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:


### 1. การสำรวจและวิเคราะห์ดิน

- **ตรวจสอบสภาพดิน**: สำรวจสภาพของดิน เช่น ความเป็นกรด-ด่าง (pH) สภาพความชื้น และความอุดมสมบูรณ์ของดิน

- **วิเคราะห์ดิน**: ส่งตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบธาตุอาหารที่มีอยู่ในดิน


### 2. การปรับปรุงดิน

- **เพิ่มปุ๋ยอินทรีย์**: ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน

- **ปรับ pH**: หากดินมีความเป็นกรดสูง ให้เติมปูนขาวหรือปูนมาร์ลเพื่อลดความเป็นกรด

- **ใช้ปุ๋ยเคมี**: ตามผลการวิเคราะห์ดิน อาจจำเป็นต้องเติมปุ๋ยเคมีเพื่อปรับปรุงธาตุอาหาร


### 3. การไถดิน

- **ไถดินลึก**: ทำการไถดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อให้ดินร่วนซุยและอากาศเข้าสู่ดินได้ดี

- **ตัดแต่งวัชพืช**: กำจัดวัชพืชและเศษพืชในแปลงปลูก


### 4. การจัดการน้ำ

- **ตรวจสอบการระบายน้ำ**: ดินควรมีการระบายน้ำที่ดี หากดินแน่น ให้ปรับปรุงโดยการเพิ่มทรายหรือมูลสัตว์


### 5. การเตรียมแปลงปลูก

- **ทำแปลงปลูก**: จัดทำแปลงปลูกให้มีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยทำให้แปลงมีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหลออกได้ดี

- **ระยะปลูก**: กำหนดระยะปลูกอ้อยให้เหมาะสม เช่น 1 เมตร x 1 เมตร ขึ้นอยู่กับพันธุ์อ้อยและวิธีการเพาะปลูก


### 6. การปลูกอ้อย

- **เลือกพันธุ์อ้อย**: เลือกพันธุ์อ้อยที่เหมาะสมกับสภาพดินและภูมิอากาศในพื้นที่

- **ปลูกลงดิน**: ทำการปลูกโดยให้ตออ้อยอยู่ในแนวนอนหรือแนวตั้งตามความเหมาะสม


การเตรียมดินที่ดีจะช่วยให้การปลูกอ้อยประสบความสำเร็จและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง.

ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดมีประโยชน์ อย่างไร

 



ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ด ขี้หมูอัดเม็ด มีประโยชน์ อย่างไร เอาแบบ เข้าใจง่ายๆ

ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดมีประโยชน์มากมายสำหรับการเพาะปลูกและการดูแลต้นไม้ ดังนี้:


1. **สารอาหารที่ครบถ้วน**: ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), และโพแทสเซียม (K) ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช


2. **ช่วยปรับปรุงดิน**: ปุ๋ยขี้ไก่ช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์และสามารถกักเก็บน้ำและธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น


3. **ไม่ย่อยสลายเร็วเกินไป**: ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดมีการย่อยสลายช้ากว่าปุ๋ยเคมี ทำให้พืชได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า


4. **เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม**: เนื่องจากเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดไม่ทำลายสภาพดินหรือน้ำในระยะยาว และยังช่วยลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี


5. **ง่ายต่อการใช้**: เนื่องจากอยู่ในรูปแบบเม็ด การใช้งานง่ายและสะดวกกว่าปุ๋ยขี้ไก่สด และไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มาก


การใช้ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มคุณภาพของดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชอย่างยั่งยืน


หากท่านใดสนใจ สอบถามได้นะครับ  ปุ๋ยอินทรีย์ ตราบัวฟ้า สูตร ขี้หมูอัดเม้ด ขี้ไก่อัดเม็ด  คุณภาพ
ไม่ผสมแกลบ ไม่ผสมดิน ไม่ผสมทราย  สอบถาม 0813942485


  


วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การบันทึก รายรับรายงาน ในการทำเกษตร

 


การบันทึกรายรับรายจ่ายในการทำเกษตรเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวางแผนการเงินในอนาคตได้อย่างรอบคอบ นี่คือขั้นตอนในการบันทึกรายรับรายจ่าย:

1. กำหนดหมวดหมู่รายรับรายจ่าย

  • รายรับ:
    • รายได้จากการขายผลผลิต เช่น ข้าว, ผัก, ผลไม้, ปศุสัตว์
    • รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น น้ำผลไม้, ปุ๋ยคอก
    • รายได้อื่น ๆ เช่น การเช่าที่ดิน, การได้รับเงินสนับสนุน
  • รายจ่าย:
    • ค่าซื้อวัตถุดิบ เช่น เมล็ดพันธุ์, ปุ๋ย, ยาฆ่าแมลง
    • ค่าแรงงาน เช่น การจ้างแรงงานเก็บเกี่ยว
    • ค่าดำเนินการ เช่น ค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์
    • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าขนส่ง, ค่าประกันภัย

2. สร้างตารางบันทึกข้อมูล รายรับ รายจ่าย

  • วันที่: วันที่เกิดรายการ
  • รายละเอียด: ระบุรายละเอียดของรายรับหรือรายจ่าย
  • หมวดหมู่: ระบุว่าเป็นรายรับหรือรายจ่าย
  • จำนวนเงิน: ระบุจำนวนเงินที่รับหรือจ่าย
  • ยอดคงเหลือ: คำนวณยอดเงินคงเหลือหลังจากรับหรือจ่าย

3. บันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

  • บันทึกรายการทุกครั้งที่มีการรับเงินหรือจ่ายเงิน เพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันและถูกต้อง
  • เก็บหลักฐานการรับจ่าย เช่น ใบเสร็จ, ใบแจ้งหนี้ เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้อง

4. ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล

  • ตรวจสอบยอดรวมรายรับรายจ่ายประจำเดือน เพื่อดูว่าสถานะการเงินเป็นอย่างไร
  • วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุน เช่น รายจ่ายที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

5. ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยบันทึก

  • ใช้แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการบันทึกข้อมูล เพื่อช่วยให้การบันทึกเป็นระบบและลดความผิดพลาด
  • ใช้ Excel หรือ Google Sheets ในการจัดทำตารางบันทึกข้อมูลที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ

6. ประเมินผลการดำเนินงาน

  • ประเมินผลการดำเนินงานประจำปี โดยดูจากยอดรายรับรายจ่ายรวมทั้งปี
  • นำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการเงินสำหรับปีถัดไป เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

การบันทึกรายรับรายจ่ายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมการใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตรได้อย่างยั่งยืน


ขอบคุณข้อมูลจาก chatgpt


หากสนใจ ขี้หมูอัดเม็ด ขี้ไก่อัดเม็ด ช่วยลดต้นนทุน  สอบถามได้ครับ



 

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ปลูกอ้อย ครั้งแรก แล้วใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด

 



การใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดในการปลูกอ้อยเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพิ่มผลผลิตอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), และโพแทสเซียม (K) ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของอ้อย

ข้อดีของการใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด ตราบัวฟ้า ในไร่อ้อย

  1. ปรับปรุงคุณภาพดิน:

    • ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินมีโครงสร้างที่ดีขึ้น สามารถอุ้มน้ำและระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยให้รากอ้อยเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  2. ลดการใช้ปุ๋ยเคมี:

    • ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับอ้อย จึงช่วยลดความจำเป็นในการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  3. เพิ่มผลผลิตอ้อย:

    • การใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของอ้อย ทำให้ลำต้นอ้อยแข็งแรง ใบเขียวและยาว ผลผลิตที่ได้จึงมีคุณภาพสูง
  4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:

    • ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีตกค้าง ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้

วิธีการใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดในไร่อ้อย

  1. การเตรียมดินก่อนปลูก:

    • ควรหว่านปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดลงบนพื้นที่ปลูกใ แล้วไถพรวนดินให้เข้ากันกับปุ๋ย เพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ก่อนการปลูก
  2. การบำรุงรักษาระหว่างการเจริญเติบโต:

    • เมื่ออ้อยเจริญเติบโตถึงช่วง 2-3 เดือน สามารถหว่านปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดเพิ่มเติมรอบโคนต้นอ้อยเพื่อเสริมสารอาหาร 
  3. การดูแลระหว่างการเก็บเกี่ยว:

    • ก่อนการเก็บเกี่ยวอ้อยประมาณ 1 เดือน สามารถหว่านปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของต้นอ้อย ทำให้อ้อยสามารถสะสมความหวานและน้ำหนักได้ดีขึ้น




สรุป

การใช้ ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด ตราบัวฟ้า ในการปลูกอ้อยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต พร้อมทั้งช่วยรักษาคุณภาพดินในระยะยาว หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดในไร่อ้อยเพิ่มเติม โปรดแจ้งได้เลยครับ

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การลดต้นทุนในการทำการเกษตร



การลดต้นทุนในการทำการเกษตร
  

เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกษตรกรเพื่อเพิ่มกำไรและความยั่งยืนในการทำฟาร์ม นี่คือวิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดต้นทุนในการทำการเกษตรได้:

1. การวางแผนและการจัดการ

  • วางแผนงบประมาณ: จัดทำงบประมาณรายปีที่ระบุค่าใช้จ่ายและรายได้ที่คาดการณ์ไว้ เช่น ค่าปุ๋ย, ค่าเมล็ดพันธุ์, ค่าจ้างแรงงาน
  • ติดตามรายรับและรายจ่าย: ใช้โปรแกรมหรือสมุดบันทึกในการบันทึกรายรับและรายจ่ายอย่างละเอียด เพื่อติดตามสถานะทางการเงิน

2. การเลือกใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

  • เลือกใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างเหมาะสม: ใช้ปุ๋ยและสารเคมีตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือผลการวิเคราะห์ดิน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
  • ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย: การใช้เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบน้ำหยด, โดรนสำรวจพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

3. การจัดการทรัพยากรมนุษย์

  • การฝึกอบรมแรงงาน: ฝึกอบรมแรงงานให้มีความรู้และทักษะในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มผลผลิต
  • การจัดการเวลาทำงาน: วางแผนการทำงานอย่างมีระบบและจัดการเวลาทำงานของแรงงานให้มีประสิทธิภาพ

4. การจัดการต้นทุนการผลิต

  • การซื้อวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์: ค้นหาซัพพลายเออร์ที่มีราคาที่แข่งขันได้ และพิจารณาซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากเพื่อรับส่วนลด
  • การบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์: ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

5. การจัดการผลผลิตและการตลาด

  • การประเมินราคาตลาด: ศึกษาราคาตลาดและวิเคราะห์แนวโน้มเพื่อวางแผนการขายผลผลิตในช่วงเวลาที่ได้ราคาดีที่สุด
  • การสร้างเครือข่ายการตลาด: สร้างเครือข่ายกับผู้ซื้อและผู้ค้าส่ง เพื่อขยายตลาดและเพิ่มโอกาสในการขายผลผลิตในราคาที่ดี

6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

  • การใช้แอปพลิเคชันและโปรแกรมการจัดการ: ใช้แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมการจัดการฟาร์มในการติดตามข้อมูลการผลิต, ต้นทุน, และผลผลิต
  • การวิเคราะห์ข้อมูล: วิเคราะห์ข้อมูลการผลิตและการตลาดเพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อน และปรับปรุงกระบวนการผลิตและการตลาด

7. การปรับปรุงและนวัตกรรม

  • การทดลองและปรับปรุงวิธีการผลิต: ลองใช้วิธีการผลิตใหม่ ๆ หรือเทคนิคที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
  • การลงทุนในนวัตกรรม: ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มผลผลิตหรือลดต้นทุนในระยะยาว

8. การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และการจัดการดิน

  • การใช้ปุ๋ยอินทรีย์: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด หรือปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ด เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและลดการใช้ปุ๋ยเคมี
  • การปลูกพืชคลุมดิน: ปลูกพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการชะล้างดินและเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน

9. การจัดการน้ำ

  • การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ: ใช้ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบน้ำหยด หรือระบบสปริงเกอร์ เพื่อประหยัดน้ำและลดค่าใช้จ่ายในการใช้น้ำ
  • การเก็บกักน้ำฝน: สร้างระบบเก็บกักน้ำฝนเพื่อใช้ในการเกษตรช่วงฤดูแล้ง

10. การใช้พลังงานทดแทน

  • การใช้พลังงานแสงอาทิตย์: ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ในฟาร์ม ช่วยลดค่าไฟฟ้าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การลดต้นทุนการทำการเกษตรต้องการการวางแผนและการจัดการอย่างมีระบบ การเลือกใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การเกษตรมีความยั่งยืนและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก chatgpt

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567

*ขี้หมู ขี้ไก่ อัดเม็ด กับ มันสำปะหลัง เทคนิคการเพิ่มผลผลิตแบบชาวบ้าน

 



การเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในไร่ ต้องใช้เทคนิคและวิธีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้นและมีคุณภาพ นี่คือเทคนิคหลัก ๆ ที่สามารถใช้ได้:

1. การเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง

  • เลือกพันธุ์ที่เหมาะสม: ควรเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลง และให้ผลผลิตสูง เช่น พันธุ์ห้วยบง 60, ระยอง 7, และระยอง 11
  • ตรวจสอบคุณภาพของต้นพันธุ์: เลือกต้นพันธุ์ที่มีอายุตั้งแต่ 8-12 เดือน และไม่มีโรคหรือแมลงเจาะทำลาย

2. การเตรียมดิน

  • ไถพรวนดิน: ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อทำให้ดินร่วนซุยและระบายอากาศได้ดี
  • ปรับค่า pH ดิน: ตรวจสอบและปรับค่า pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 5.5-7.0 เพื่อให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง

3. การปลูกมันสำปะหลัง

  • ระยะห่างในการปลูก: ควรปลูกมันสำปะหลังในระยะห่าง 1 เมตร ระหว่างแถว และ 1 เมตร ระหว่างต้น เพื่อให้พืชมีพื้นที่เพียงพอในการเจริญเติบโต
  • วิธีการปลูก: ปักต้นพันธุ์มันสำปะหลังให้ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร และให้ด้านบนของต้นพันธุ์เอียงประมาณ 45 องศา
  • ควรปลูกในช่วงเวลาที่มีความชื้น หรือฝนตก ไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำหรือแล้ง เพราะจะกระทบต่อระบบราก

4. การจัดการน้ำ

  • การรดน้ำ: ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงเดือนแรกหลังปลูก เพื่อให้ต้นมันสำปะหลังเจริญเติบโตได้ดี และหลังจากนั้นควรรดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง

5. การใช้ปุ๋ย

  • ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ใ ในระยะเตรียมดินหรือในช่วงเริ่มปลูก เราขอเสนอ ปุ๋ยอินทรีย์ สูตร ขี้หมูอัดเม็ด ตราบัวฟ้า
  • ปุ๋ยเคมี: ใส่ปุ๋ยเคมีในอัตรา 15-15-15 หรือ 12-24-12  โดยแบ่งใส่ในช่วง 1-2 เดือน และ 4-5 เดือนหลังปลูก

6. การควบคุมวัชพืช

  • กำจัดวัชพืช: ควรทำการกำจัดวัชพืชเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งน้ำและสารอาหารจากมันสำปะหลัง
  • การใช้วัสดุคลุมดิน: ใช้ฟางหรือวัสดุอินทรีย์อื่น ๆ คลุมดินรอบโคนต้นเพื่อช่วยควบคุมวัชพืชและรักษาความชื้นในดิน

7. การควบคุมโรคและแมลง

  • การตรวจสอบ: ตรวจสอบโรคและแมลงเป็นประจำ และกำจัดเมื่อพบการระบาด
  • การใช้สารชีวภัณฑ์: ใช้สารชีวภัณฑ์เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา  เพื่อควบคุมโรคและแมลงอย่างปลอดภัย

8. การเก็บเกี่ยว

  • ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังเมื่อมีอายุประมาณ 8-12 เดือน หลังปลูก
  • วิธีการเก็บเกี่ยว: ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมหรือมือในการขุดมันสำปะหลังออกจากดิน โดยระวังไม่ให้หัวมันสำปะหลังเสียหาย